
การเข้าคลาสออกกำลังกายก็ไม่ต่างจากการเข้าสมรภูมิรบที่ต้องเคี่ยวเข็ญร่างกายอย่างหนักเพื่อให้อยู่รอดครบเวลา ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่ต้องเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมแล้ว แต่ ‘ชุดออกกำลังกาย’ ก็เป็นอีกสิ่งที่ควรเตรียมให้พร้อมเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนแนะนำว่า สิ่งที่ควรคำนึงเวลาสวมใส่ชุดออกกำลังกายคือ ความสบาย มากกว่าดีไซน์ที่สวยงาม และควรเป็นชุดที่ใส่แล้วไม่ทำให้จิตของคุณว่อกแว่ก เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายและลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย ก่อนซื้อจึงควรทดสอบด้วยการทำท่าต่างๆ เช่น สควอท ลันจ์ กระโดด ชูมือขึ้นเหนือศีรษะที่แล้วโน้มไปฝั่งตรงข้าม หรือวิ่งอยู่กับที่ (เน้นท่าที่ใช้ในการออกกำลังกายจริงๆ) เพื่อเช็คว่า ติดขัดตรงไหนไหม นอกจากนั้นแล้วแต่ละคลาสก็ยังต้องการชุดออกกำลังกายที่แตกต่างกันดังต่อไปนี้

คลาสคาร์ดิโอต่างๆ เช่น HIIT Class, TRX, Bootcamp ฯลฯ
คลาสลักษณะนี้ต้องใช้แรงมาก มีแรงกระแทกสูง ต้องเคลื่อนไหวร่างกาย 360 องศา ทั้งวิ่ง กระโดด ย่อตัว คลานต่ำ แพลงค์ ฯลฯ ดังนั้นชุดที่สวมใส่ควรมีความคล่องตัว สามารถก้าวขาได้อย่างไม่ติดขัดหรือรู้สึกว่าถูกดึงรั้ง เน้นเนื้อผ้าที่เบาสบาย แห้งไว ระบายอากาศได้ดี เช่น โพลีเอสเตอร์ สแปนเด็กซ์ หรือไลคร่า หลีกเลี่ยงผ้าคอตตอน 100% เพราะถึงแม้จะนุ่มใส่สบาย แต่อุ้มน้ำเป็นที่หนึ่ง ทำให้เหนื่อยไวและอบอ้าว กางเกงแนะนำเป็นกางเกงเอวยางยืดเพื่อช่วยเรื่องการเคลื่อนไหวของช่วงล่าง สำหรับสาวๆ ควรมองหาสปอร์ตบราที่มีการซัพพอร์ตสูง (High Support) เพื่อเลี่ยงการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อบริเวณอก หรืออาการเจ็บของหน้าอกระหว่างการออกกำลังกาย

Yoga และ Pilates
สำหรับเหล่าโยคี กิจกรรมชนิดนี้มีแรงกระแทกต่ำ เน้นการยืดเหยียด ไม่เน้นออกแรงมากหรือเสียเหงื่อเยอะๆ
ดังนั้นชุดที่ใส่เข้าคลาสควรเน้นความโล่งโปร่ง ไม่รัดแน่นจนเกินไป หากเป็นสาวๆ ควรสวมใส่เป็นเลกกิ้งยาวแนบเนื้อ หรือ Capri Pant ที่ยาวห้าส่วนเพราะช่วยเรื่องการปกปิดได้ดี ในขณะที่ท่อนบน ลองมองหาเป็นสปอร์ตบราที่มีการซับพอร์ตระดับต่ำหรือกลาง หรือเสื้อกล้ามที่เสริมชุดชั้นมาให้เรียบร้อยแล้ว ฝ่ายชายลองดูกางเกงขาสั้นยาวพอดีหรือเหนือเข่า แต่แนะนำว่าควรเป็นผ้ายืดเพื่อช่วยเรื่องการเคลื่อนไหว และอย่ามองข้ามสุขภาพเท้า เพราะคลาสนี้เราต้องเสียเหงื่อกันเท้าเปล่า
Spinning Class หรือ Cycling Class
ใครชื่นชอบคลาสปั่นจักรยาน ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับเสื้อที่ต้องระบายอากาศได้ดี ไม่อุ้มน้ำ เพราะเราจะเสียเหงื่อยิ่งกว่าคลาสไหนๆ กางเกงควรสวมใส่สบายเพราะในคลาสอาจต้องยืนปั่น หรือกึ่งยืนกึ่งนั่ง ใครรู้ตัวว่าเป็นคนเหงื่อออกเยอะ อย่าลืมสวมหมวกเพื่อป้องกันไม่ให้เหงื่อไหลย้อยเข้าตา หรือใช้ที่รัดข้อมือช่วยในการซับเหงื่อ และอย่าลืมเอาถุงเท้าไปด้วย

Boxing Class และ Body Combat
สิ่งที่ควรระมัดระวังให้มากสำหรับคลาสมวย โดยเฉพาะมวยไทยที่ต้องปล่อยหมัด เตะ ต่อย ศอก แทงเข่า คือกางเกงที่ปลายขาไม่ควรกว้างจนเกินไป ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เพื่อความมิดชิด ไม่แนะนำให้ใส่กางเกง Sweat Pants ตัวโคร่งหรือกางเกงขายาวรุ่มร่าม เพื่อป้องกันการสะดุดล้ม
Dancing Class
เน้นความสบายสไตล์ Loose Fit แต่ไม่ควรละเลยรองเท้า เพราะไม่ใช่แค่ใส่รองเท้าอะไรก็ได้ เนื่องจากการเต้นไม่ว่าจะเป็นคลาสซุมบ้า ชาแบม หรือฟรีสไตล์ มีทั้งการกระโดด การเต้นฉีกตัวไปด้านข้าง ก้าวถอยหลัง หรือการเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ดังนั้นรองเท้าผ้าใบที่สวมใส่ต้องหนึบเกาะพื้นได้ดี เพื่อตอบสนองท่วงท่าเหล่านั้น