ดื่มน้ำเพื่อสุขภาพที่ดีอย่าดูแค่ปริมาณ คุณภาพก็สำคัญไม่แพ้กัน

ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว หรือ 2 ลิตร อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการดื่มน้ำเพื่อสร้างสุขภาพที่ดีอีกต่อไป เพราะปริมาณที่เพียงพออาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของร่างกายได้อย่างแท้จริง 

แน่นอนว่าการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอมีข้อดีต่อระบบการทำงานของร่างกายมากมาย เช่น 

• ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบย่อยอาหารและขับถ่าย 
• นำพาสารอาหารและออกซิเจนไปสู่เซลล์ทั่วร่างกาย
• รักษาสมดุลความเป็นกรดด่าง ความดันโลหิตและอุณหภูมิร่างกาย
• ส่งเสริมการทำงานของอวัยวะต่างๆ เป็นต้น

แต่นอกจากเรื่องของปริมาณแล้ว อย่างที่เกริ่นไว้ตั้งแต่ต้นว่าคุณภาพของน้ำที่ดื่มก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน

ขอแค่เป็นน้ำสะอาดก็พอไม่ใช่เหรอ?

ดื่มน้ำประปาจากก๊อกหรือต้องซื้อน้ำบรรจุขวด?

น้ำดื่มบรรจุขวดแต่ละชนิดต่างกันยังไงนะ?

น้ำแร่ดีกว่าจริงหรือไม่?

น้ำด่างคืออะไร ดีต่อร่างกายจริงไหม?

มาไขข้อข้องใจเหล่านี้ด้วยการทำความรู้จักกับน้ำแต่ละชนิดกันดีกว่าค่ะ

1. น้ำก๊อกหรือน้ำประปา ปกติแล้วน้ำชนิดนี้จะเป็นน้ำสะอาดที่ผ่านกระบวนการบางอย่างเช่นการใช้โอโซนหรือคลอรีนในการกำจัดเชื้อโรค ในหลายประเทศรับรองว่า สามารถดื่มได้เพราะสะอาดปราศจากเชื้อ แต่ในเรื่องของแร่ธาตุหรือสารอาหารนั้นมีน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลย
2. น้ำแร่ธรรมชาติ มักมาจากแหล่งน้ำใต้ดิน มีความบริสุทธิ์สูง ปราศจากสารปนเปื้อน และมีความเป็นด่างตามธรรมชาติ มักมีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม และโซเดียม เป็นต้น
3. น้ำแร่ เป็นน้ำจากแหล่งธรรมชาติเช่นกันแต่มีแร่ธาตุในปริมาณสูงกว่า โดย FDA ของสหรัฐฯกำหนดว่า น้ำแร่ต้องมีปริมาณแร่ธาตุอย่างน้อย 250 ppm ตามธรรมชาติ ไม่ใช่การเติมแร่ธาตุลงไปเพิ่ม
4. น้ำด่าง คือน้ำที่มีค่า pH ประมาณ 8-9.5 จัดเป็นน้ำดื่มที่ดีต่อสุขภาพ เพราะช่วยให้ร่างกายสามารถจัดการกับอนุมูลอิสระได้ดี และยังเพิ่มการลำเลียงออกซิเจนในกระแสเลือดด้วย
5. น้ำกลั่น เกิดจากกลั่นไอน้ำให้กลับเป็นของเหลว ซึ่งสามารถช่วยกำจัดสารปนเปื้อนในน้ำได้ทำให้น้ำมีความบริสุทธิ์ แต่ในขณะเดียวกันวิตามินและแร่ธาตุก็ถูกขจัดออกไปด้วย

โดยสรุป น้ำแร่ และ น้ำด่าง จึงนับว่าเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ควรคำนึงถึงมากที่สุดก็คือ ควรดื่มน้ำที่สะอาด ปลอดภัย ปราศจากเชื้อโรคและสารปนเปื้อนที่เป็นพิษนั่นเอง